เลขที่ 1 อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ชั้น 47 ยูนิต4703 (ริเวอร์6) ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาธร กรุงเทพ 10120
(66) 02-114-7448
(66) 02-016-2688
(66) 092-327-0777
(66) 098-246-5445
ทุกปี มีการร้องเรียนกว่า 1,000 เคส เรื่องสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายของสินค้าประเภทต่าง ๆ การขนส่งสินค้า เป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน ไม่ว่าจะเป็นทางถนน ทางรถไฟ ทางทะเล หรือทางอากาศ การจัดส่งผลิตภัณฑ์ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการขนส่งต้องใช้เวลาในการเดินทางจากต้นทางไปยังปลายทาง พวกเขาต้องเผชิญกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ การดูแลให้สินค้าให้ถึงปลายทางโดยไม่มีความเสียหายเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการประหยัดต้นทุนและหลีกเลี่ยงการทำงานซ้ำซ้อนภายในกระบวนการซัพพลายเชนที่ซับซ้อน
ในขณะที่ทุกธุรกิจโลจิสติกส์ ขนส่ง พยายามดูแลการขนส่งที่ดีใน การขนส่งสินค้า ทางไกล แต่บางอย่างอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ และอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา นำสินค้าไปสู่ความเสียหาย อุปกรณ์ป้องกันความเสียหายระหว่างขนส่งจึงเป็นสิ่งจำเป็น เช่น สายรัด Composite Strap เพื่อยึดสินค้าให้มั่นคง และ แผ่น Slip sheet หรือแผ่นรองสินค้า เพื่อรองสินค้าแทนไม้พาเลท ประหยัดพื้นที่ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บทความต่อไปนี้ คือ ประเภทของความเสียหายของสินค้าที่พบบ่อยที่สุด วิธีลดความเสี่ยง และสิ่งที่ควรทำหลังจากพบว่าสินค้าของคุณได้รับความเสียหาย
ความเสียหายทางกายภาพ คือ การจัดเก็บที่ไม่ดี การจัดเก็บที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม และไม่เพียงพอ (ไม่ใช้ สายรัด Composite Strap ที่มีมาตรฐาน แผ่น Slip sheet ) การกระจายน้ำหนักที่ไม่ถูกต้อง ภายในคอนเทนเนอร์ ซึ่งส่งผลให้สินค้าเกิดการตกหล่น การกลิ้ง การแตกหัก การกระแทกระหว่างการขนส่ง ฯลฯ
ความเสียหายจากความเปียกชื้น คือ สินค้าที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น ความชื้น การควบแน่นระหว่าง การขนส่งสินค้า หรือน้ำทะเลที่ไหลเข้าสู่ภาชนะเนื่องอาจจากมีรูเล็ก ๆ อาจเกิดขึ้นได้เมื่อใช้ภาชนะที่ไม่เหมาะสมในการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่มีความละเอียดอ่อน เช่น การใช้ภาชนะปกติแทนภาชนะที่มีการระบายอากาศ
ความเสียหายต่อสินค้าเมื่อมีการปนเปื้อน อาจเป็นสารพิษ หรือมลพิษ ทำให้สินค้าไม่สามารถใช้งานได้สำหรับการบริโภคของมนุษย์ หรือการใช้งานทางอุตสาหกรรมหรือการปฏิบัติงานอื่น ๆ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การทำความสะอาดที่ไม่เพียงพอหลังจากการขนส่งสินค้าครั้งก่อน การจัดเก็บที่ไม่เหมาะสมก่อนการขนส่ง หรือการสัมผัสกับสารปนเปื้อนโดยตรง เป็นต้น
ความเสียหายประเภทนี้เกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อย มักเกิดจากอุปกรณ์ทำความเย็นที่ไม่ได้มาตรฐาน การตั้งค่าอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม การหมุนเวียนของอากาศไม่ดี การจัดการที่ผิดพลาด ไฟฟ้าขัดข้อง การผุ การละลาย ทำให้สินค้าสุกมากเกินไป เกิดรอยฟกช้ำ การเน่าเสีย และผลิตภัณฑ์มีการเปลี่ยนสีระหว่างการขนส่ง
ความเสียหายจากแมลงหรือสัตว์สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อมีหนูอยู่ในสินค้า ความเสียหายประเภทนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสินค้าเกษตรที่บรรทุกสินค้า นำไปสู่การปนเปื้อน ทำให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ไม่สามารถใช้งานได้ และอาจทำให้การขนส่งล่าช้าอีกด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสินค้าเพื่อหาสาเหตุของความเสียหายนั่นเอง
ในฐานะผู้ขนส่ง ผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าสินค้า คุณจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ชัดเจนเพื่อลดความเสี่ยงที่สินค้าจะเสียหาย
จากบทความข้างต้นจะเห็นว่ามีประเภทของความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างขนส่งสินค้าและมาตรการป้องกันความเสียหายระหว่างขนส่งจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ซึ่งธุรกิจ โลจิสติกส์ ขนส่ง สามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เพราะการขนส่งที่ได้มาตรฐานและมีความรอบคอบนั้น ทำให้การจัดส่งสินค้าถึงผู้รับปลายทางอย่างรวดเร็ว ไม่ล่าช้า และสินค้าถึงที่หมายปลายทางปลอดภัย ดังนั้นอุปกรณ์ป้องกันสินค้าการความเสียหายที่ใช้ในระหว่างการขนส่งจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น สนใจสามารถติดต่อสอบถาม JMP Thailand บริษัทชั้นนำของประเทศออสเตรเลีย ผู้ผลิตภัณฑ์ด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออกและอุปกรณ์ป้องกันความเสียหายเนื่องจากการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรมทั้งอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ขายปลีก บรรจุภัณฑ์สินค้าออนไลน์
ที่มา: arviem.com