เลขที่ 1 อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ชั้น 47 ยูนิต4703 (ริเวอร์6) ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาธร กรุงเทพ 10120
(66) 02-114-7448
(66) 02-016-2688
(66) 092-327-0777
(66) 098-246-5445
ในยุคที่ธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่งเติบโตอย่างรวดเร็ว การบริหารจัดการต้นทุนและพื้นที่ในการขนส่งสินค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง “Slip Sheet” จึงกลายเป็นหนึ่งในโซลูชันที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในบริษัทที่ต้องการลดการใช้พาเลทไม้ ลดต้นทุนขนส่ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการโหลดสินค้า Slip Sheet คือแผ่นรองสินค้าแบนบางที่ใช้แทนพาเลท โดยทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Push-Pull Forklift ซึ่งช่วยให้สามารถย้ายสินค้าได้โดยไม่ต้องใช้พาเลทแบบดั้งเดิม ทั้งนี้แผ่นสลิปชีทที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมมีอยู่สองประเภทหลัก ได้แก่ Plastic Slip Sheet และ Paper Slip Sheet บทความนี้จะเปรียบเทียบคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมของแต่ละแบบ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจเลือกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Slip Sheet แบบพลาสติก ผลิตจากวัสดุพลาสติกคุณภาพสูง เช่น HDPE (High-Density Polyethylene) หรือ PP (Polypropylene) ซึ่งมีความแข็งแรงสูง ทนต่อแรงดึง แรงกด และแรงเสียดสีได้ดีมาก สามารถรับน้ำหนักสินค้าได้ตั้งแต่ 500 – 2,000 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดและความหนาของแผ่น อีกทั้งยังทนทานต่อความชื้น น้ำมัน และสารเคมีต่าง ๆ ได้ดีเยี่ยม จึงเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ยา เวชภัณฑ์ หรืออุตสาหกรรมที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ ในขณะที่ Slip Sheet แบบกระดาษ ผลิตจากกระดาษลูกฟูก หรือกระดาษคราฟท์อัดแน่นที่ผ่านกระบวนการเคลือบเพื่อเพิ่มความแข็งแรง แม้จะไม่เท่าพลาสติก แต่ก็สามารถรับน้ำหนักได้ในระดับที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่ใช้แล้วทิ้ง
แผ่นรองพลาสติกมีจุดเด่นในเรื่องของการใช้งานซ้ำ (Reusable) เนื่องจากมีความทนทานสูง สามารถใช้ได้หลายรอบหากไม่เสียหายหรือเปรอะเปื้อนมากนัก จึงเหมาะอย่างยิ่งกับระบบการขนส่งภายในประเทศ การขนส่งในคลังสินค้า หรือระบบ Closed-loop logistics ที่สามารถดึง Slip Sheet กลับมาใช้ใหม่ได้ ขณะที่แผ่นแบบกระดาษมักถูกออกแบบมาเพื่อใช้เพียงครั้งเดียว (One-Way) เหมาะสำหรับการส่งออกหรือการขนส่งที่ไม่มีการดึงวัสดุกลับมาใช้อีก เนื่องจากเมื่อเปียกหรือถูกกระแทกแรง ๆ จะฉีกขาดได้ง่ายและไม่สามารถใช้งานซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สลิปชีทแบบกระดาษมีน้ำหนักเบากว่าและมีต้นทุนที่ต่ำกว่าอย่างชัดเจน จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกรณีที่ธุรกิจต้องการลดต้นทุนต่อหน่วยสินค้า หรือหากต้องขนส่งสินค้าปริมาณมากในระยะไกล เช่น การส่งออกทางเรือหรือทางอากาศ การใช้แผ่นแบบกระดาษจะช่วยลดน้ำหนักรวมของสินค้า ส่งผลให้ค่าขนส่งถูกลง ส่วน แบบพลาสติก แม้จะมีราคาสูงกว่า แต่หากสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายรอบ จะช่วยให้เกิดความคุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีการใช้งาน Slip Sheet อย่างต่อเนื่อง
Plastic Slip Sheet เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขอนามัย เนื่องจากสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ดูดซับความชื้น และไม่ขึ้นรา ต่างจาก Paper Slip Sheet ที่แม้จะมีการเคลือบกันชื้น แต่ยังมีโอกาสดูดซับน้ำและสิ่งสกปรกได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม จึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเลือกใช้งาน
ในแง่ของการจัดการหลังการใช้งาน Paper Slip Sheet ดูจะได้เปรียบกว่า เนื่องจากผลิตจากวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ง่าย ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งภาระให้กับสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ Plastic Slip Sheet แม้จะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง แต่หากถูกทิ้งโดยไม่มีระบบรีไซเคิลที่ดี อาจกลายเป็นขยะพลาสติกที่ใช้เวลาหลายร้อยปีในการย่อยสลาย อย่างไรก็ตาม หากองค์กรมีระบบคัดแยกและรีไซเคิลอย่างเหมาะสม การใช้พลาสติกก็สามารถเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนได้เช่นกัน
สลิปชีทพลาสติกมีความยืดหยุ่นมากกว่าในแง่ของการเลือกขนาด ความหนา และคุณสมบัติเฉพาะ เช่น การป้องกันไฟฟ้าสถิต (Anti-static), การป้องกันรังสียูวี หรือการเสริมแรงเฉพาะจุด เพื่อให้เหมาะกับสินค้าหลากหลายประเภท ส่วนสลิปชีทกระดาษ แม้จะสามารถออกแบบให้เหมาะกับลักษณะสินค้าบางประเภทได้ แต่มีข้อจำกัดในด้านความทนทานและความยืดหยุ่นทางเทคนิคมากกว่าพลาสติก
การเลือกSlip Sheet ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละธุรกิจ หากธุรกิจของคุณเน้นการส่งออก ขนส่งระยะไกล หรือ One-Way Delivery ที่ต้องการควบคุมต้นทุนต่อหน่วยให้ต่ำที่สุด การเลือกใช้ Paper Slip Sheet จะตอบโจทย์ได้ดี แต่ถ้าคุณมีระบบที่สามารถดึงวัสดุกลับมาใช้ซ้ำได้ หรือมีความต้องการใช้แผ่นรองสลิปชีทกับสินค้าที่ต้องการความสะอาด ความแข็งแรง และความทนทานเป็นพิเศษ Plastic Slip Sheet ก็จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า แม้ต้นทุนจะสูงขึ้น แต่ก็สามารถคุ้มค่าในระยะยาวได้
ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกใช้แผ่นสลิปชีทที่เหมาะสมไม่เพียงแค่ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ขององค์กรในด้านการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย
สนใจเลือกซื้อแผ่นรองสลิปชีททั้งแบบพลาสติกและแบบกระดาษได้ที่ JMP Thailand เรามีทีมงานพร้อมให้คำแนะนำและออกแบบให้เหมาะสมกับชนิดสินค้าของท่าน โดยมีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศออสเตรเลีย และขยายสาขาไปทั่วโลก ซึ่งครอบคลุมหลายอุตสาหกรรมทั้งอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ขายปลีก บรรจุภัณฑ์สินค้าออนไลน์ และการบริการ
หากเป้าหมายหลักคือการลดต้นทุนต่อหน่วยสินค้าและน้ำหนักรวมของการขนส่ง Paper Slip Sheet เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและราคาต่อแผ่นถูกกว่า เหมาะกับระบบการส่งออก หรือ One-Way Delivery ที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานซ้ำ
ธุรกิจที่ต้องการความสะอาดสูง เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ยา และเวชภัณฑ์ ควรเลือก Plastic Slip Sheet เพราะเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ดูดซับความชื้น และสามารถใช้งานซ้ำได้หลายรอบ คุ้มค่าในระยะยาว